บทที่ 1 ระบบคอมพิวเตอร์ | |
Computer System | ระบบที่พัฒนามาจาก 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ที่สามารถจับต้องได้ ส่วนซอฟต์แวร์เป็นโปรแกรมที่ทำงานอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำงานตามที่ผู้ใช้งานได้กำหนดไว้ |
Hardware | ฮาร์ดแวร์เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ที่สามารถจับต้องได้ |
Software | ซอฟต์แวร์เป็นโปรแกรมที่ทำงานอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำงานตามที่ผู้ใช้งานได้กำหนดไว้ |
Personal Computer | เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว และไม่ได้ทำการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ |
Time-sharing | เป็นลักษณะที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องมาต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางโดยคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเรียนกว่า Terminal การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์แบบนี้ คือ การประมวลผลที่อยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางเพียงเครื่องเดียว และ Terminal ทุกเครื่องจะส่งคำสั่งที่ต้องการมาประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางเพราะการประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางจะต้องมีการแบ่งเวลาในการประมวลคำสั่งต่าง ๆ ที่ส่งมาจาก Terminal ทุกเครื่อง |
Client/Server | เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็น Server คอยดูแลจัดการทรัพยากรของระบบทั้งหมด และมีเครื่อง Clients ต่อเข้าที่เครื่อง Server โดยใช้ทรัพยากรต่าง ๆที่เครื่อง Server มีอยู่ ตามประสิทธิภาพของผู้ใช้แต่ละคน และการประมวลผลจะไม่ทำอยู่บนเครื่อง Server แต่จะประมวลผลที่เครื่อง Clients แต่ละเครื่องเอง แล้วอาจจะส่งข้อทูลต่าง ๆ ที่ไปเก็บที่เครื่อง Server |
Computer Languages | ภาษาที่ใช้สำหรับเขียน เพื่อสร้างโปรแกรมขึ้นมาเพื่อใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ |
Compiler | โปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการแปลง ภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง |
Loader | เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่โหลดตัว Source Coed ลงไปในหน่วยความจำ |
System Development Life Cycle | เป็นขั้นตอนในการพัฒนาโปรแกรม หรือระบบขึ้นมาใช้งาน |
บทที่ 2 โครงสร้างภาษา C | |
Compiled Language | ภาษาที่มีคอมไฟลเลอร์ (Compiler) ทำหน้าที่ในการคอมไพล์ (Compile) หรือแปลงคำสั่งทั้งหมดในโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่อง (Machine Language) เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์นำคำสั่งเหล่านั้นไปทำงานต่อไป |
Header Files | ส่วนที่เก็บไลบรารีมาตรฐานของภาษา C ซึ่งจะถูกดึงเข้ามารวมกับโปรแกรมในขณะที่กำลังทำการคอมไพล์ |
Global Variables | ตัวแปรที่สามารถเรียนใช้ได้ทุกฟังก์ชันของโปรแกรม |
Functions | ส่วนที่เก็บคำสั่งต่าง ๆ ไว้ซึ่งในภาษา C จะบังคับให้มีฟังก์ชันอย่างน้อย 1 ฟังก์ชัน นั่นก็คือฟังก์ชัน Main() และในโปรแกรม 1 โปรแกรมสามารถมีฟังก์ชันได้มากกว่า 1 ฟังก์ชัน |
Local Variables | ตัวแปรที่จะสามารถเรียกใช้ได้ เฉพาะฟังก์ชันที่ประกาศตัวแปรนั้น |
Return Value | เป็นส่วนที่บอกให้รู้ว่า ฟังก์ชันนี้จะมีการส่งค่าอะไรกลับไปให้กับฟังก์ชันที่เรียกฟังก์ชันนี้ |
Identifier | เป็นกฎการตั้งชื่อตัวแปรและฟังก์ชั่น |
Constants | ชนิดข้อมูลแบบค่าคงที่ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรนั้น ในขณะที่โปรแกรมทำงานอยู่ |
Statements | คำสั่งต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นจนเป็นตัวโปรแกรม |
Flowchart | ผังงาน มีไว้เพื่อให้ผู้ใช้ออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมก่อนที่จะลงมือเขียนโปรแกรม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นและไม่สับสน |
บทที่ 3 กาพิมพ์และรับข้อมูล | |
Standard Input File | ไฟล์ที่ใช้เก็บข้อมูลก่อน ที่ได้รับจากผู้ใช้ผ่านทางคีย์บอร์ดเข้าไป |
Standard Output File | ไฟล์ที่ใช้เก็บข้อมูลก่อน ที่จะนำไปแสดงออกทางอุปกรณ์ต่าง ๆ |
printf | เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับแสดงค่าต่าง ๆ ออกทางจอภาพ |
Back-slash character | ชุดค่าคงที่ของตัวอักษร ที่จะใช้ในการควบคุมการพิมพ์และแสดงเครื่องหมายบางอย่างที่ไม่สามารถพิมพ์เครื่องหมายนั้นตรง ๆ |
Scanf | คำสั่งในการรับค่าข้อมูลจากผู้ใช้เข้ามาทางคีย์บอร์ด |
getch | โปรแกรมจะหยุดให้ผู้ใช้พิมพ์ข้อมูล 1 ตัวอักษร และเมื่อป้อนเสร็จแล้ว ไม่ต้องกดปุ่ม Enter และเคอร์เซอร์จะไม่ขึ้นบรรทัดใหม่และตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปจะไม่แสดงออกทางจอภาพด้วย |
getche | เป็นฟังก์ชันที่ทำงานเหมือนฟังก์ชัน getch แต่จะแสดงตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไป ออกทางจอภาพด้วย |
getchar | โปรแกรมจะหยุดให้ผู้ใช้พิมพ์ข้อมูล 1 ตัวอักษร และเมื่อป้อนเสร็จแล้ว จะต้องกดปุ่ม Enter ด้วย และเคอร์เซอร์ก็จะขึ้นบรรทัดใหม่ ส่วนตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปก็จะแสดงออกทางจอภาพด้วย |
บทที่ 4 นิพจน์ทางคณิตศาสตร์ | |
Expressions | นิพจน์ต่าง ๆ |
Operand | ตัวถูกดำเนินการ หรือตัวแปรต่าง ๆ เป็นต้น |
Operator | ตัวดำเนินการ เป็นเครื่องหมายต่าง ๆ |
Precedence | ลำดับความสำคัญของตัวดำเนินการ |
Simple Assignments | การกำหนดค่าแบบง่าย |
Compound Assignments | การกำหนดค่าแบบผสม |
บทที่ 5 ฟังก์ชันของภาษา C | |
Function | เป็นตัวโปรแกรมส่วนหนึ่ง ที่นำไปเขียนแยกไว้ ถ้าจะใช้จะต้องมีการเรียนใช้ โดยในฟังก์ชันจะมีพารามิเตอร์ที่ใช้รับค่าจากฟังก์ชันที่เรียกใช้ และอาจจะมีค่าที่ส่ง หรือ Return Value |
Function Header | เป็นส่วนหัวของฟังก์ชันซึ่งประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ ชนิดข้อมูลของค่าที่ส่งกลับ (Return Type),ชื่อฟังก์ชัน (Function Name) และรายชื่อพารามิเตอร์ |
Function Body | คือส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นฟังก์ชัน การประกาศตัวแปรแบบ Local และชุดคำสั่งต่าง ๆ ของฟังก์ชันนั้น |
Prototype Declarations | การประกาศฟังก์ชัน โดยจะประกาศอยู่ตรงส่วนบนสุดของโปรแกรม หรือก่อนส่วนการประกอบตัวแปรแบบ Global |
Function Call | เป็นการเรียกใช้ฟังก์ชัน |
Pass by Value | การส่งค่าแบบกำหนดค่า |
Pass by Reference | การส่งค่าแบบอ้างอิง |
Abs | ฟังก์ชันนี้ จะส่งค่ากลับเป็นค่า Absolute ของตัวเลขที่ส่งไปให้ค่า Absolute คือ ค่าทางบวกของค่านั้น โดยจะต้องมีการส่งค่าพารามิเตอร์ที่มีชนิดข้อมูลเป็นตัวเลขจำนวนเต็มหรือ Integer |
Ceil | ฟังก์ชันที่จะหาค่าจำนวนเต็มที่มากกว่า หรือเท่ากับค่าที่ส่งไปให้ |
Floor | ฟังก์ชันที่จะหาค่าจำนวนเต็มที่น้อยกว่า หรือเท่ากับค่าที่ส่งไปให้ |
บทที่ 6 คำสั่งเงื่อนไข | |
Logical Data | ข้อมูลตรรกะ |
Not | คำสั่งที่ใช้เปลี่ยนค่าที่เป็นเท็จ หรือกลับกันหรือเปลี่ยนจาก 0 เป็น 1 |
and | ใช้เชื่อง 2 เงื่อนไข หรือมากกว่าจะเป็นผลลัพธ์จริงเมื่อเงื่อนไขทั้ง 2หรือทั้งหมดเป็นจริง และจะให้เป็นเท็จเมื่อมีอย่างน้อย1 เงื่อนไขเป็นเท็จ |
Or | ใช้เชื่อม 2 เงื่อนไขหรือมากว่าจะให้เป็นผลลัพธ์จริงเมื่อมีอย่างน้อย1เงื่อนไขเป็นจะให้เป็นเท็จเมื่อเงื่อนไขทั้ง 2 หรือทั้งหมดเป็นเท็จ |
If? else | เป็นคำสั่ง 2 ทางเลือกอันหนึ่งซึ่งถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะทำคำสั่ง 1 แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จก็จะไปทำอีกคำสั่ง1 |
If | เป็นคำสั่ง 2 ทางเลือกอันหนึ่งซึ่งถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะทำคำสั่ง 1 แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จเป็นจะกระโดดออกจากชุดคำสั่ง if |
Nested if | เป็นคำสั่ง If? else ที่มีคำสั่ง If? else หรือคำสั่ง if ซ้อนอยู่ด้านใดอีกด้านหนึ่ง |
Switch | เป็นคำสั่งหลายทางเลือก ซึ่งเป็นคำสั่งที่แปลงมาจากคำสั่ง Nested ifคำสั่งนี้จะมีตัวแปรหนึ่งที่ใช้หาว่าคำสั่งไหน |
Case | เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่ง Switch คือเป็น |
Else ? if | เป็นคำสั่งที่ใช้แทนคำสั่ง Switch นั้นจะต้องเป็นชนิดข้อมูลที่เป็นจำนวนเต็มเท่านั้น แต่ถ้าเมื่อไรที่ต้องใช้ตัวแปรที่เป็นชนิดข้อมูลทศนิยม ก็จะไม่สามารถใช้คำสั่ง switch ได้แต่ภาษา C ก็ได้มีคำสั่งอีกคำสั่งหนึ่งที่เป็นคำสั่งหลายทางเลือกและสามารถใช้ได้กับชนิดข้อมูลทุกประเภทคำสั่งนั้นก็คือ else ? if ซึ่งชุดคำสั่งเหมือนกับคำสั่ง if?else แต่ต่างกันตรงที่ในคำสั่ง else ใช้ต่อด้วยคำสั่ง if ได้เลย |
บทที่ 7 คำสั่งวนลูป | |
Loop | การวนทำคำสั่งเดิมหลาย ๆ ครั้ง |
Pretest | ลูปประเภทหนึ่ง จะทำการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนว่าเป็นจริง หรือเป็นเท็จ ถ้าเป็นจริงก็ให้เข้าไปทำคำสั่งหรือชุดคำสั่งต่อไป และเมื่อทำคำสั่งหรือชุดคำสั่งเสร็จแล้วก็จะกลับมาทำการตรวจสอบเงื่อนไขอีกครั้งและจะทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเงื่อนไขจะเป็นเท็จ ก็จบการทำงานของลูป |
Post ? Test | ลูปประเภทหนึ่ง จะทำคำสั่งหรือชุดคำสั่งก่อน เมื่อเสร็จแล้วถึงจะมาตรวจสอบเงื่อนไขว่าเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ถ้าเป็นจริงก็จะกลับไปทำคำสั่งหรือชุดคำสั่งเดิมอีกครั้ง และจะทำจนกว่าเงื่อนไขจะเป็นเท็จเช่นเดียวกัน |
While | ลูป while นี้ใช้เงื่อนไขเป็นตัวควบคุมลูป และเป็นลูปแบบ Pretest Loop ซึ่งจะทำการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนที่จะเข้าไปทำคำสั่งในลูป |
For | ลูป while นี้ใช้เงื่อนไขเป็นตัวควบคุมลูป และเป็นลูปแบบ Pretest Loop ซึ่งจะทำการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนที่จะเข้าไปทำคำสั่งในลูปคำสั่ง for นั้นจะเป็นลูปแบบ Pretest Loop ที่ใช้นิพจน์ 3 นิพจน์ นิพจน์แรกเป็นการกำหนดค่า นิพจน์ที่ 2 เป็นเงื่อนไขในการตรวจสอบตัวควบคุมลูป |
Do?while | คำสั่ง do?while เป็นลูปแบบ Post ? Test Loop ลูปแบบนี้จะมีคำสั่งก่อนที่จะไปทำการตรวจสอบตัวควบคุมลูป |
Break | เป็นคำสั่งในการกระโดดออกจากชุดคำสั่ง Switch และมันก็สามารถนำมาใช้ในคำสั่งวนลูปได้เหมือนกันเพื่อใช้กระโดดออกจากลูปในกรณีต่าง ๆ ได้ |
Continue | คำสั่งนี้จะไม่ได้กระโดดออกจากลูปเลย แต่จะกระโดดคำสั่งอื่น ๆ ในลูปไปทำการตรวจสอบตามนิพจน์เลย |
บทที่ 8 อาร์เรย์ | |
Element | สมาชิกของอาร์เรย์ |
Basic Initialization | เป็นการประกาศและกำหนดลักษณะ พร้อมทั้งกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์เลย จะกำหนดว่ามีจำนวน Element กี่ Element พร้อมกำหนดค่าให้แต่ละ Element เลย |
InitializationWithout Size | เป็นการประกาศและกำหนดลักษณะ พร้อมทั้งกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ แต่ไม่กำหนดว่าจำนวน Element ใดเท่าไร แต่จะกำหนดค่าให้ไปเลย แล้วตัวคอมไพเลอร์จะกำหนดจำนวนของ Element ตามจำนวนค่าที่กำหนดให้ |
Partial Initialization | เป็นการประกาศและกำหนดลักษณะ พร้อมทั้งกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ โดยกำหนดเลยว่ามีจำนวน Element กี่ Element แต่จะกำหนดค่าให้ไม่ครบตามจำนวนของ Element ฉะนั้น Element ที่เหลือจะมีค่าเป็น 0 |
Initialization to All Zero | เป็นการประกาศและกำหนดลักษณะ พร้อมทั้งกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ โดยกำหนดเลยว่ามีจำนวน Element กี่ Element แต่ค่าที่กำหนดให้ Element ทุกตัวมีค่าเป็น 0 ทั้งหมด |
Passing Individual Elements | การส่งค่าแบบ Element เดียว ซึ่งมีการกระทำเหมือนกับอาร์เรย์ 1 มิติ คือ ให้ลูปวนส่งค่าไปทีละ Element |
Passing The Whole Array | การส่งค่าแบบทั้งอาร์เรย์ เมื่อผู้ใช้ต้องการส่งค่าอาร์เรย์ 2 มิติ ไปให้กับฟังก์ชันอื่น จะใช้ชื่ออาร์เรย์ 1 มิติซึ่งฟังก์ชันที่ถูกเรียกใช้จะต้องมีการประกาศพารามิเตอร์ที่ เป็นอาร์เรย์ 2 มิติ |
Passing a Row | การส่งค่าที่แถว เป็นการส่งค่าทั้งแถว โดยการใช้ลำดับของแถวเป็นตัวส่งไป ซึ่งพารามิเตอร์ที่รับจะเป็นอาร์เรย์ 1 มิตินั้น ในฟังก์ชันที่ถูกเรียงก็จะใช้ลูป for เพียง 1 ลูปในการทำงานเหมือนกับการส่งอาร์เรย์ 1 มิติ มาให้ |
|
|
บทที่ 9 พอยเตอร์ | |
Pointer | ต้นฉบับของชนิดข้อมูล เป็นชนิดข้อมูลที่สร้างจากข้อมูลมาตรฐานชนิดหนึ่ง ค่าของมันก็คือตำแหน่ง (Address) ที่อยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ซึ่งจะใช้สำหรับกำหนดค่าหรือเข้าถึงข้อมูล พอยเตอร์นั้นสร้างจากแนวความคิดพื้นฐานของ Pointer Constants |
Address | เป็นตำแหน่งหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูล |
Pointer Values | เป็นตำแหน่ง Address ของตัวแปรนั้น ถ้าต้องการค่าตำแหน่ง Address ของตัวแปรใด หรือจะกำหนดค่าที่รับเข้ามาทางคีย์บอร์ดให้ไปเก็บไว้ที่ตัวแปรนั้น จะต้องใช้เครื่องหมาย Address หรือ & |
Pointer Variable | ตัวแปรที่มีลักษณะเป็นพอยเตอร์ |
Indirection | เป็นการประกาศและกำหนดลักษณะ พร้อมทั้งกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ โดยกำหนดเลยว่ามีจำนวน Element กี่ Element แต่ค่าที่กำหนดให้ มีเลข 0 เพียงตัวเดียว ตัวคอมไพเลอร์จะกำหนดให้ Element ทุกตัวมีค่าเป็น 0 ทั้งหมด |
Pointers To Pointers | การใช้พอยเตอร์ตัวหนึ่ง ชี้ไปยังพอยเตอร์อีกตัวหนึ่งซึ่งพอยเตอร์นั้นชี้ไปยังตัวแปร |
Pointer as Formal Parameters | การใช้พอยเตอร์เป็นพารามิเตอร์ |
บทที่ 10 สตริง | |
String | อาร์เรย์ของตัวอักษร ที่มีข้อมูลชนิดตัวอักษรเรียงกันไปแต่จะต้องมีจุดสิ้นสุดด้วย โดยจะใช้ตัวอักษรวางหรือ Null Character เป็นจุดสิ้นสุดของสตริง |
Null Character | ตัวอักษรวาง |
Strlen | เป็นฟังก์ชันที่ส่งค่ากลับ เป็นจำนวนความยาวของสตริงที่ส่งไปให้ โดยจะรวมจุดสิ้นสุดของสตริงหรือ Null Character ด้วย ถ้าเป็นสตริงว่างจะส่งค่ากลับเป็น 0 |
Strcpy | เป็นฟังก์ชันในการคัดลอกสตริงพื้นฐาน การทำงาน คือ จะทำการคัดลอกสตริงต้นทางหมด ซึ่งจะรวมไปถึง Null Character ด้วย ไปใส่ในสตริงปลายทาง |
Strncpy | เป็นฟังก์ชันในการคัดลอกสตริง ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของฟังก์ชัน strcpy ได้ เนื่องจากฟังก์ชันนี้ ผู้ใช้สามารถกำหนดความยาวในการคัดลอกได้ |
Strcmp | ฟังก์ชันทั้งสองจะทำการเปรียบเทียบเหมือนกัน |
Strncmp | ฟังก์ชันทั้งสองจะทำการเปรียบเทียบเหมือนกัน แต่จะกำหนดความยาวในการเปรียบเทียบได้ |
Strcat | ฟังก์ชันที่ใช้ในการต่อสตริง |
บทที่11ข้อมูลแบบโครงสร้างและยูเนียน | |
Typedef | คำสั่งในการสร้างชนิดข้อมูลชนิดใหม่ จากชนิดข้อมูลพื้นฐาน |
Structure | การรวมตัวแปร ที่มีชนิดข้อมูลหลายแบบมารวมกันให้เป็นโครงสร้างเดียวกัน แล้วโครงสร้างนั้นก็จะมีชื่อประจำตัวของโครงสร้างนั้นด้วย แต่ละตัวแปรในโครงสร้าง จะเรียกว่าสมาชิก ซึ่งในหนึ่งโครงสร้างนั้นสามารถมีตัวแปรหรือสมาชิกได้ไม่จำกัด และแต่ละสมาชิกจะมีหน่วยความจำของตัวเอง |
Indirection | การเข้าสมาชิกในโครงสร้างที่ใช้เครื่องหมาย . |
Selection | การเข้าสมาชิกในโครงสร้างที่ใช้เครื่องหมาย -> |
Union | เป็นข้อมูลที่มีลักษณะคล้ายกับข้อมูลแบบโครงสร้างแต่ตัวแปรหรือสมาชิกต่าง ๆ ในยูเนียนนั้น จะใช้หน่วยความจำเดียวที่เดียวกัน คือจะมีตัวแปรหรือสมาชิกใดสมาชิกหนึ่งเท่านั้นที่ใช้หน่วยความจำในช่วงเวลานั้น |
บทที่ 12 ไฟล์ | |
File | ที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ และในภาษา C นั้น ไฟล์ก็จะมีความหมายรวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย |
Logical Interfaces | เป็นตัวกลางในการติดต่อกับไฟล์ |
Text files | เป็นไฟล์ตัวอักษร เพราะโครงสร้างในการเก็บข้อมูลที่ค่าตัวเลขจำนวนเต็ม จุดทศนิยม หรือในลักษณะที่เป็นโครงสร้าง ซึ่งการเก็บ ข้อมูลจะถูกแปลงเป็นเลขฐานสองตามรหัส ASCII |
Binary Files | เป็นไฟล์ที่เก็บข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของค่าต่าง ๆ ซึ่งข้อมูลที่ไฟล์ประเภทนี้จัดเก็บ จะสามารถเป็นทั้งตัวเลขจำนวนเต็ม ตัวเลขทศนิยม ตัวอักษร อาร์เรย์ และข้อมูลแบบโครงสร้าง โดยการจัดเก็บนั้นจะเก็บเหล่านั้นลงไปตรง ๆ เลย เช่น 16706 ก็จะเป็นค่าที่เหมือนอ่านกลับมาเป็นค่าเดิม แต่ Text Files จะเก็บเป็นตัวอักษร 1 6 7 0 6 |
File Table | ส่วนของหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ ไฟล์ เช่น ชื่อไฟล์ เป็นตัวชี้ตำแหน่งของไฟล์ เป็นต้น โดยจะมีตัวแปรที่เป็นไฟล์พอยเตอร์อยู่ ซึ่งไฟล์พอยเตอร์ตัวนี้จะมีข้อมูลเป็นโครงสร้างชนิด FILE ซึ่งลักษณะขอ File Table |
Fopen | ฟังก์ชันในการเปิดไฟล์ คือ ฟังก์ชัน fopen ฟังก์ชันนี้ต้องการพารามิเตอร์ 2 ตัว ตัวแรกคือชื่อไฟล์ที่ต้องการเปิด ซึ่งอาจจะรวมที่อยู่ของไฟล์โปรแกรม และตัวที่ 2 จะเป็นโหมดในการเปิด ซึ่งจะมีโหมดการเปิดอยู่ 3 โหมด |
Fclose | เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปิดไฟล์ ที่ปิดไว้ |
Fread | เป็นฟังก์ชันในการอ่านข้อมูลจาก Binary File |
Fwrite | เป็นฟังก์ชันในการเขียนข้อมูลลง Binary File |